วันจันทร์ ที่ 16 มิ.ย. 2568
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2568 นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai ถึงระบบสาธารณสุขไทย โดยระบุว่า “เรื่องจริง! อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขจะพัง ในขณะที่ประชาชนยังไม่รู้ตัว!
(ใครไม่อยากให้พังฝากตะโกนดังๆ คนละแชร์ เพื่อช่วยประเทศไทยครับ) ทุกวันนี้หลายคนยังรู้สึกอุ่นใจว่า “ไปโรงพยาบาลแล้วรักษาฟรี” บัตรทองทำให้เรารักษาได้โดยไม่ต้องควักเงินจ่ายตอนป่วย — ฟังดูดีมากครับ
แต่ในฐานะคนทำงานในระบบสาธารณสุข ผมอยากเล่าให้ฟังตรง ๆ ว่า ข้างในระบบนี้มันกำลังพังลงอย่างช้า ๆ และถ้าไม่รีบแก้ อีกไม่เกิน 3 ปีข้างหน้า เราอาจไม่มีระบบนี้ให้ใช้กันอีกเลย โรงพยาบาลรัฐ ขาดทุนหนัก แต่คนไข้ไม่รู้
โรงพยาบาลไม่ได้กำไรจากใคร ไม่มีนักลงทุน ไม่มีผู้ถือหุ้น รายได้ทั้งหมดก็ใช้เพื่อรักษาคนไข้ แต่ตอนนี้ ผมเห็นด้วยตาตัวเองว่า หลายแห่งต้องควักจ่ายเองเกือบครึ่ง และมันไม่ไหวแล้วครับ
นโยบายดี แต่ไม่มีเงินพอจะทำ
ฟังดูดีและช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลได้จริง
แต่คำถามคือ… แล้วงบมาจากไหน? เพราะตอนนี้แค่รักษาคนไข้หนัก ๆ ยังแทบไม่มีเงิน บางแห่ง ICU เตียงเต็ม คนไข้รอคิว ในขณะที่งบก้อนหนึ่งกลับถูกใช้ไปกับบริการที่ “เบา” กว่า และควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า
งบที่เคยมี… กำลังหายไปทีละปี
ตอนหลังโควิด เคยมีเงินในระบบสูงถึง 80,000 ลบ. แต่ลดลงปีละเกือบ 20,000 ลบ. ตอนนี้เหลือประมาณ 40,000 ลบ. คาดว่าอีกไม่ถึง 3 ปี อาจไม่มีเหลือ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง และมีแนวโน้มว่าจะ “หมด” ภายใน 3 ปี
ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ — นี่คือข้อมูลจากโรงพยาบาลจริงๆ ถ้าไม่มีใครเริ่มแก้ตอนนี้ เราจะเห็นโรงพยาบาลทยอยเจ๊ง และระบบที่เคยรักษาคุณได้ฟรี อาจไม่มีให้คุณใช้อีกต่อไป
ถึงเวลาที่ทุกคนรงมถึง สปสช. ต้องพูดความจริง วันนี้คนในระบบเริ่มพูดกันตรงๆ ว่า ต้องกล้ายอมรับว่า “ระบบมีปัญหา” และรีบหาทางแก้ด้วยกัน
ประชาชนควรรู้ความจริง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ผมเข้าใจดีครับว่าทุกคนอยากได้บริการที่ดี รวดเร็ว และไม่ต้องเสียเงิน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ระบบแบบนั้นต้องมีคนแบกรับต้นทุน ถ้าไม่มีใครแบก… สุดท้ายก็จะพังไปทั้งระบบ
ผมไม่ได้เขียนเพื่อให้ใครตกใจ แต่เขียนเพื่อบอกว่า ถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันแล้วครับ ถ้าเราไม่เริ่มจากการ “ยอมรับความจริง” วันนี้ วันหน้าคำว่า “รักษาฟรี” อาจจะเหลือแค่ในความทรงจำ สรุปจากงานสัมมนา “ทิศทางการดำเนินงานระบบบัตรทองในปัจจุบันและอนาคต”